วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

กำลังใจแด่เพื่อนหญิง ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม


เปิด ตัวโครงการแลงเจอรี่ ซาลอน พิงค์ ริบบอน แชริตี้ ปีที่ 5 ด้วยกิจกรรมเดินการกุศล "ธิงค์ พิงค์ วอล์ค ฟอร์ บรีสท์ แคนเซอร์" เชิญชวนทุกคนให้หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพด้วยการเดินออกกำลังกาย และเชิญชวนร่วมบริจาคเงินหารายได้มอบให้แก่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ บริเวณสวนวชิรเบญจทัศน์และสวนจตุจักร นอกจากนี้ยังขายโบสีชมพู สัญลักษณ์ของการให้กำลังใจ ที่แผนกแลงเจอรี่ ซาลอน เดอะมอลล์ทุกสาขา ดิ เอ็มโพเรี่ยม และพารากอน ระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน ตลอดจนได้รับความร่วมมือจากผู้สนับสนุน อาทิ ดีแทค โรงพยาบาลวัฒโนสถ และผู้ผลิตชุดชั้นในหลากหลายแบรนด์ดัง ร่วมจัดกิจกรรมเพื่อหารายได้สมทบทุนในโครงการครั้งนี้ด้วย

ได้ยอดเงินบริจาครวม กว่า 6 แสนบาท อัจฉรา อัมพุช บอสใหญ่กลุ่มเดอะมอลล์ เลยทำพิธีมอบอย่างเป็นทางการให้แก่ นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ เพื่อเป็นทุนในการค้นคว้าวิจัยและช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเต้านม โดยมีผู้ให้การสนับสนุนและเหล่าเซเลบริตี้ อาทิ สุดถนอม กรรณสูต ดร.กฤษติกา คงสมพงษ์ และอมรพิมล ธนากิจอำนวย ร่วมเป็นสักขีพยาน

ในฐานะโต้โผจัดงานคนสำคัญ อัจฉรา กล่าวว่าเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ สอดรับกับกระแสการรณรงค์ต่อต้านโรคมะเร็งเต้านมภัยร้ายที่คุกคามผู้หญิงทั่ว โลก หวังว่ารายได้จากการจัดกิจกรรมจะก่อประโยชน์อย่างเต็มที่แก่ผู้ป่วยมะเร็ง เต้านม และจะยังคงสานต่อความสำเร็จของโครงการ ด้วยการจัดกิจกรรมต่อเนื่องทุกๆ ปี รวมถึงกิจกรรมต่างๆ เพื่อร่วมมอบสิ่งดีๆ ให้แก่สังคมต่อไป

ด้านอาจารย์คนเก่ง ดร.กฤษติกา คงสมพงษ์ บอกว่าด้วยภาวะความเร่งรีบและความเครียดของการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ทำให้ผู้หญิงหลายคน ลืมดูแลตัวเอง ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งในการทำให้เกิดโรคมะเร็งเต้านม จึงอยากให้ผู้หญิงทุกคนหันมาดูแลสุขภาพตัวเองให้มากยิ่งขึ้น เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่จะทำให้เกิดโรคร้าย

ขณะที่ "หนึ่ง" สุดถนอม กรรณสูต คุณแม่รุ่นใหม่ มองว่าโรคมะเร็งเต้านมไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะเดี๋ยวนี้มีวิธีป้องกันให้ห่างไกลจากโรคนี้ได้ โดยเริ่มที่ตัวเรา ง่ายๆ เริ่มจากไม่เครียด รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกาย และฝากถึงผู้หญิงทุกคนให้ดูแลตัวเองด้วยการหมั่นไปตรวจร่างกายเป็นประจำทุก ปี หากพบความผิดปกติเกิดขึ้น ก็จะสามารถรักษาได้ทันท่วงที

สอดคล้องกับมุมมองของ "แหมว" อมรพิมล (วีรวรรณ) ธนากิจอำนวย นักธุรกิจสาว ที่บอกว่า โรคนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ถ้าหมั่นไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ ก็สามารถป้องกันตัวเองจากโรคภัยต่างๆ ได้

"ทุกวันนี้มีโครงการทั้งจากภาครัฐ และเอกชนมากมายที่เป็นตัวแทนของสังคมในการช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเต้านม อย่างโครงการนี้ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ ที่จะเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยในการใช้ชีวิตในสังคมต่อไปได้อย่างมีความสุข อีกทั้งทำให้ผู้หญิงทุกคนตื่นตัวกับภัยร้าย และหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองก่อนจะสายเกินไป" นักธุรกิจสาว กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา คมชัดลึก

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ก่อนวิวาห์ควรเตรียมอะไรบ้าง

ในยุคปัจจุบันคุณผู้หญิงที่ครองตนเป็นโสดมีมากขึ้น ทั้งๆ ที่ก็พร้อมทุกอย่าง ทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ เวลามีใครถามว่า "เมื่อไหร่จะแต่ง" คำตอบก็มักจะเป็นว่า "ยังหาคนแต่งด้วยไม่ได้"


ดังนั้น เรื่องแรกของการเตรียมตัวก่อนวิวาห์ คือ หาคนแต่งหรือเลือกคู่ครองค่ะ

การเลือกคู่ครองเมื่อวัยและปัจจัยต่างๆ เหมาะสมนั้นไม่มีกฎตายตัวค่ะ หลายคู่เลือกกันด้วยเหตุผล เช่น มีความรู้ มีรูปร่างหน้าตา มีฐานะเท่าเทียมกัน วัฒนธรรมเดียวกัน ศาสนาเดียวกัน บิดามารดาทั้งสองฝ่าย พอใจ มีอุปนิสัยต่างๆ ตรงกัน บางคู่ก็เลือกกันด้วยความรัก พอใจ มีอุปนิสันต่างๆ ตรงกัน บางคู่ก็เลือกกันด้วยความรัก ด้วยอารมณ์เป็นหลัก แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกทั้งเหตุผลและอารมณ์


ปัจจุบัน แม้การเลือกคู่ครองทั่วไปเปิดให้เลือกกันได้อย่างเสรี แต่การเลือกคู่ครองโดยแม่สื่อแม่ชัก หรือพ่อแม่หามาให้ ก็ยังพบเห็นกันอยู่เป็นประจำนะคะ


แต่ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน การเรียนรู้อุปนิสัยใจคอ และพร้อมที่จะปรับตัวเข้าหากันเป็นเรื่องสำคัญค่ะ และการเข้ากันได้หรืออยู่กันยืดนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกคู่ครองแบบไหน แต่อยู่ที่การปรับตัวเข้าหากัน เรียนรู้ซึ่งกันและกันในภายหลังมากกว่าค่ะ


หมอมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง เธออายุมากกว่าเพื่อนๆ 2-3 ปี เพราะย้ายมาจากคณะอื่นตอนเป็นนักศึกษาแพทย์เธอไม่มีแฟนเลย และประกาศตนเป็นหัวหน้าชมรมคานทองนิเวศน์ แต่พอวันสุดท้ายของการสอบไล่จบการเป็นนักศึกษาแพทย์ เธอมีหนุ่มหล่อมาดูตัวจากการแนะนำของผู้ใหญ่ ต่อจากนั้นอีกไม่กี่วันก็แต่งงานกัน ท่ามกลางความอิจฉาตาร้อนของสมาชิกคานทองนิเวศน์ และปัจจุบันครอบครัวของเธอก็มีความสุขดี ดีกว่าบางคู่ที่แต่งงานกันด้วยความรักและความเหมาะสมเสียอีก


สิ่งที่สอง ที่ควรเตรียมตระเตรียม คือ เตรียมสุขภาพร่างกายค่ะ

คุณผู้หญิงที่ป่วยกระเสาะกระแสะ เจ็บป่วยเรื้อรัง และต้องมีคนคอยประคับประคองตลอดเวลานั้น เป็นได้แค่นางเอกของละครในชีวิตจริงนั้น สุขภาพที่แข็งแรงเป็นเกณฑ์หนึ่งของการเลือกคู่ในบางประเทศถึงกับมีกฎหมายให้ คู่สมรส ตรวจร่างกายว่าแข็งแรงสมบูรณ์จึงสมรสได้


เรื่องนี้ บางทีก็น่าเศร้าสะเทือนใจ หมอรู้จักหญิงชายคู่หนึ่ง ฝ่ายหญิงเป็นคนสวยน่ารัก ฝ่ายชายเป็นชายหนึ่งที่มีเสน่ห์ มีอารมณ์ขัน ทั้งสองเป็นแฟนกัน รักกันมาก เรียกว่าเห็นฝ่ายหญิงก็เห็นฝ่ายชาย เห็นฝ่ายชายก็เห็นฝ่ายหญิง พวกเขาคบกันนาน จนถึงขั้นวางแผนจะแต่งงานกัน


ปรากฏว่าโชคชะตานั้นเล่นบทโหด ขณะที่ใกล้จะแต่งงานกัน ฝ่ายหญิงก็ล้มป่วยลง และป่วยเป็นโรคที่พบได้น้อยมากๆ คือ โรคเนื้อร้ายของหัวใจ ผ่าตัดก็ไม่ได้ ได้แต่รักษาด้วยสารเคมีทำให้ร่างกายของเธออ่อนแอลงมาก ต้องคอยดูแล และก็ไม่มีความหวังเลยว่าจะหายขาดเมื่อไร


ถ้าเป็นในภาพยนต์ พระเอกก็คงแต่งงานกับนางเอกและดูแลเธอไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต แต่ชีวิตจริงคือ ฝ่ายชายอดทนดูแลไปช่วงระยะหนึ่ง แล้วก็ตีตนออกห่าง ให้ครอบครัวของฝ่ายหญิงมาดูแลแทน และบอกกับคนอื่นๆ ว่า?ที่ผ่านมาชอบพอกันเป็นแค่พี่น้อง!


เรื่องนี้ สังคมคือคนรอบข้างฝ่ายหญิงพากันประณามว่า ฝ่ายชายใจร้ายใจดำ หมอเองแม้รู้สึกคล้อยตาม แต่ก็เข้าใจว่า นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่รักตนเองมากกว่าคนอื่น เมื่อจะมีครอบครัวก็ต้องเลือกคนที่แข็งแรง พร้อมจะมีบุตรหลาน สร้างครอบครัวให้อบอุ่นได้


อีกเรื่องหนึ่งที่หมอเห็นมาหลายคู่ทีเดียว คือคุณผู้หญิงที่แต่งงานแล้วปรากฏทีหลังว่า เป็นโรคที่ไม่สามารถมีลูกได้ ในกรณีนี้ก็เช่นกันที่สุดท้ายชีวิตฝ่ายหญิงต้องหวานอมขมกลืน เพราะฝ่ายชายไปหาคนใหม่ เพื่อผลิตลูกให้ บางคู่ฝ่ายชายอายุมากเกิน 60 ก็มี เรียกว่าครองคู่อยู่กันมาโดยไม่มีลูกเป็น 40 ปี จึงมาดีแตกทีหลัง สร้างความเจ็บช้ำให้ฝ่ายหญิงจนแทบเป็นบ้าทีเดียวค่ะ


ดังนั้นก่อนวิวาห์ การตระเตรียมเรื่องสุขภาพนั้น สำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆ นะคะ ได้แก่

- ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ที่มีผลต่อสุขภาพและการอยู่ร่วมกัน เช่น ดื่มเหล้าจัด สูบบุหรี่จัด เที่ยวกลางคืนเป็นนิจ เล่นการพนัน ฯลฯ โดยทั่วไป เมื่อจะมีครอบครัว นั่นหมายความว่า เราพร้อมที่จะดูแลคนที่จะมายืนอยู่เคียงข้าง และเจ้าตัวน้อยที่จะเกิดมา


- ดูแลโรคภัยไข้เจ็บของตนเอง ในกรณีที่มีโรคประจำตัว อาจต้องไปพบแพทย์ เพื่อรับคำปรึกษา หรือรักษา เพราะบางโรคอาจจะมีผลต่อการตั้งครรภ์


- รักษาโรคที่มีผลกระทบต่อบุคลิกภาพ เช่น โรคสิว ภูมิแพ้ โรคอ้วน ฯลฯ


- ไปพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาก่อนแต่งงาน สำหรับข้อนี้ปัจจุบันมีคุณผู้หญิงที่กำลังจะแต่งงานจำนวนมากเห็นความสำคัญ และไปปรึกษาแพทย์ก่อนแต่งงาน หรือที่เรียกว่า Pre-marital counseling ค่ะ ซึ่งในความเห็นของหมอนั้น เป็นเรื่องที่ดีมากๆ และจำเป็นสำหรับคุณผู้หญิงก่อนวิวาห์ทุกท่าน


แพทย์ส่วนใหญ่จะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย แนะนำให้เจาะเลือดตรวจหาโรคที่มีผลต่อชีวิตสมรส คือโรคที่สามารถติดต่อกันทางเพศสัมพันธ์ได้ และบางโรคก็มีผลต่อบุตรในครรภ์


โรคดังกล่าวได้แก่ โรคเอดส์ โรคซิฟิลิส โรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี โรคธาลัสซีเมีย โลหิตจาง ในกรณีที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคไวรัสตับอักเสบบี หัดเยอรมัน และอีสุกอีใส แพทย์ก็จะแนะนำให้ฉีดวัคซีนดังกล่าว ซึ่งวัคซีนบางอย่าง เช่น หัดเยอรมัน และอีสุกอีใส ไม่ควรฉีดตอนตั้งครรภ์ เพราะอาจจะมีอันตรายถึงทารกในครรภ์ได้ค่ะ


เรื่องการเจาะเลือดตรวจก่อนแต่งงานนี้เป็นเหมือนหญ้าปากคอกคือ ถูกมองข้ามไป แต่มีคู่สมรสหลายคู่ที่หมอรู้จัก ต้องลำบากลำบน เพราะฝ่ายตรงข้ามมีเชื้อไวรัสเอดส์ค่ะ


คุณผู้หญิงคนหนึ่ง ครองจนมาจนอายุ 40 ปี เรียกว่ามีฐานะ มีการงานมีหน้ามีตา เป็นที่รู้จักในสังคม เกิดมาหลงรักหนุ่มโสดรูปหล่ออายุ 20 เศษ ซึ่งไม่มีการงานเป็นหลักแหล่ง คนมองก็รู้สึกว่าไม่คู่ควร แต่ก็เป็นการตัดสินใจเด็ดขาดของฝ่ายหญิง ทั้งสองแต่งงานกัน และหลังจากนั้นเพียงหนึ่งปีฝ่ายชายก็ล้มป่วยลงด้วยโรคเอดส์ ฝ่ายหญิงต้องซื้อยาต้านไวรัสมารักษาจนแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว และสุขภาพจิตก็เสื่อมโทรม ทุกครั้งที่เจาะเลือดติดตามดูว่าตนเองติดเชื้อเอดส์หรือเปล่า


นอกจากนั้นคุณผู้หญิงบางราย อาจจะให้แพทย์ตรวจภายในหาความผิดปกติก่อนแต่งงาน บางรายอยากให้แนะนำการคุมกำเนิด แนะนำเทคนิคมีบุตรง่าย แนะนำวิธีเลือกเพศบุตรตามธรรมชาติ ซึ่งต้องอาศัยการกินอาหารบางประเภทและปรับช่องคลอดให้เป็นกรดด่าง บางรายก็ให้หมอจัดยาเลื่อนประจำเดือน ซึ่งจะมาช่วงวันแต่งงานพอดี ฯลฯ


ประการที่สามที่ควรเตรียม คือ สุขภาพใจค่ะ

นอกจากร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ใจต้องสมบูรณ์แข็งแรงด้วย นั้นคือต้องฝึกให้เป็นคนอารมณ์แจ่มใส เข้ากับผู้อื่นได้ มีอารมณ์ขัน ปรับตัวง่าย นอกจากนั้น EQ หรือวุฒิภาวะทางอารมณ์ก็เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับชีวิตครอบครัว คุณผู้ชายคนไหนก็คงไม่อยากมีภรรยาที่อารมณ์เสีย ด่าทอ หน้าบูดทั้งวัน ในขณะที่ผู้หญิงคนไหนก็คงไม่อยากเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ว่าถูกสามีใช้ร่มฟาดจนตายคาโซฟาเพราะความหึงหวงนะคะ


ประการสุดท้าย คือ การเตรียมสิ่งแวดล้อมค่ะ

เนื่องจากสังคมไทย ยังเป็นสังคมวงศาคณาญาติ ดังนั้นควรศึกษาพื้นเพ และทำความรู้จักครอบครัวของแต่ละฝ่าย เพราะสุดท้ายแต่งงานกับเขาก็จะเหมือนแต่งงานกับครอบครัวของเขาด้วย

แหล่งที่มา » นิตยสารใกล้หมอ

อยากเป็นสาวมั่น..คุณก็เป็นได้

ใครที่กำลังประสบปัญหาไม่มีความมั่นใจอยู่ อย่าเพิ่งท้อนะคะ ลองนำเอาวิธีเหล่านี้ไปใช้ดูก่อนค่ะ

1. คิดดี
มองตัวเองในแง่ดี ความพอใจในตัวเองคือความสำเร็จ หรือเป็นหนทางไปสู่ความสำเร็จ ให้กำลังใจตัวเองบ้างนะคะ

2. ตั้งเป้าหมาย
ต้อง ตั้งเป้าหมายอย่างสมเหตุสมผลด้วยนะคะ เพราะถ้าเรามุ่งมั่นจนประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจไว้ เราก็จะรู้สึกดีและมีความมั่นใจมากขึ้น ก็เราทำได้นี่นาจริงมั้ย

3. รางวัล
อย่าคิดแต่ว่าความสำเร็จที่เราได้มา เป็นเพราะโชคชะตา เชื่อมั่นในความสามารถและให้รางวัลเล็กๆน้อยๆแก่ตัวเองเสียบ้างนะคะ

4. คิดให้เป็น
เมื่อ ใดก็ตามถ้าสิ่งที่หวังไว้ไม่เป็นไปตามที่คิด ก็อย่าเอาแต่ตีโพยตีพาย ใช้อารมณ์เพียงอย่างเดียว พยายามคิดถึงต้นเหตุที่มาของความผิดหวัง คิดเสียว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ในเมื่อมีสิ่งที่เราทำได้ ก็ต้องมีบางสิ่งที่เราทำไม่ได้เช่นกัน

5. เป็นตัวของตัวเอง
เปิด เผยอย่างจริงใจให้คนอื่นได้รับรู้เสียบ้างว่าเราคิด รู้สึก เชื่อและต้องการอย่างไร ในขณะเดียวกันก็ต้องระวังอย่าไปละเมิดสิทธิของคนอื่นด้วยล่ะ เช่น ถ้าคุณไม่อยากไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนๆ ก็บอกไปเถอะว่าไม่อยากไปจริงๆให้พวกเธอไปกันเถอะ

6. เรียนรู้สม่ำเสมอ
ความรู้จะทำให้เรารู้สึกมั่นใจมากขึ้น หัดอ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรืออ่านเวปไซต์ผู้หญิงนะคะดอทคอมบ่อยๆ ดูทีวี บ้าง

7. จัดการกับปัญหา
อะไร บ้างล่ะที่เป็นปัญหาใหญ่สมควรแก่การกำจัดทิ้ง ลิสต์รายการออกมาพร้อมทั้งวิธีแก้ปัญหา มันอาจจะไม่ง่ายนักและคงต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ต้องมีบางข้อล่ะที่เราน่าจะทำได้ในทันที

8. ใช้ตัวช่วย
หยิบ รูปภาพเก่าๆ ช่วงเวลาที่เราเคยประสบความสำเร็จขึ้นมาดู เช่น รูปวันรับรางวัลนักเรียนมารยาทงาม รูปวันรับปริญญา ภาพแห่งความสุขเหล่านั้นจะเป็นตัวช่วยอย่างดีในการสร้างความมั่นใจขึ้นมา

9. ควบคุมความคิดและอารมณ์
ศัตรู ตัวร้ายของ "ความมั่น" ก็คือ ความคิดของเรานั่นเอง เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกประหม่าขึ้นมา เช่น ต้องไปยืนพูดต่อหน้าผู้คนมากมาย ในสถานการณ์เช่นนี้ให้พยายามอย่าคิดถึงตัวเอง มองไปรอบๆกาย ให้ความสนใจไปที่สิ่งอื่น จะช่วยให้เราคลายจากความประหม่าลงได้กว่าคิดถึงตัวเอง

10. ปล่อยวาง
อย่า เก็บเอาความรู้สึกไม่ดีในอดีตมาบั่นทอนความมั่นใจในวันนี้ของเรา โยนความคิดที่ว่า "ทำไมถึงเป็นแบบนั้น" หรือ "ทำไมต้องเป็นฉันด้วย" ทิ้งไป เปลี่ยนมาให้กำลังใจตัวเองด้วยการเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในอดีตนั่นเองค่ะ


เล็กๆน้อยๆ
- จงเชื่อมั่นในตัวเองก่อนที่จะทำให้คนอื่นเชื่อมั่นตัวคุณ
- เป็นตัวของตัวเองโดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
- มองโลกและตัวเองในแง่ดี อย่าคิดไปเองว่าคนอื่นจะว่าหรือคิดร้ายกับคุณ
- ลบคำสบประมาท ด้วยการพิสูจน์ว่าคุณทำได้
- จดจำช่วงเวลาที่ดีและความสำเร็จของคุณเอาไว้ เพื่อเป็นกำลังใจตัวเองเสมอ

ที่มา : www.pooyingnaka.com

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

อารมณ์รักกับวันนั้นของเดือน

ฮอร์โมนเพศที่ขึ้นสูง ๆ ต่ำ ๆ ในช่วงของรอบเดือน มีส่วนสัมพันธ์กับความต้องการทางเพศของหญิงสาว เพราะฮอร์โมนบางตัวเมื่อมีมาก จะกระตุ้นให้คุณมีอารมณ์เซ็กซี่ จนอยากชวนหนุ่มขึ้นเตียงเสียเอง

โดยเฉลี่ยแล้ว ช่วงรอบเดือนของผู้หญิง จะประมาณ 28 วัน แต่บางคนอาจจะน้อยหรือมากกว่านี้ก็ได้ โดยจะแบ่งช่วงของรอบเดือน เป็น 4 ช่วง

ช่วงที่ 1 : วันที่ 1-12 ของการเริ่มมีรอบเดือน ช่วงนี้ฮอร์โมนเอสโตรเจน จะพุ่งกระฉูด ทำให้ช่องคลอดมีสารหล่อลื่นมาก และยังเป็นช่วงที่หญิงสาวอารมณ์เบิกบานเพราะร่างกายผลิตสารเอนโดฟินส์ ออกมามาก จึงทำให้หญิงสาวอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ช่วงนี้ ผู้หญิงส่วนใหญ่ อยากให้หวานใจคลอเคลียอยู่ใกล้ ๆ เธอต้องการอ้อมกอด และสัมผัสรักที่อบอุ่น มากกว่ากระหายที่จะมีเซ็กส์แบบเร่าร้อน แต่หากจะมีเซ็กส์กับเธอ เธอก็โอเคด้วยนะ แม้จะช่วง 7 วันแรก อาจเป็นระยะปลอดภัย โอกาสท้องมีน้อย แต่หากมีเซ็กส์ในช่วงหลังวันที่ 7 ก็อย่าลืมคุมกำเนิดด้วยล่ะ ถ้ายังไม่พร้อมจะมีลูกด้วยกัน

ช่วงที่ 2 : วันที่ 12-15 ช่วงไข่สุก ระดับของฮอร์โมนเทสทอสเทอโรน จะพีคสุด ๆ เป็นระยะที่หญิงสาวจะมีอารมณ์รักพุ่งกระฉูด เธอพร้อมจะเปิดเกมรักเสียเอง ชายหนุ่มอาจนึกแปลกใจ ทำไมคืนนี้เธอเซ็กซี่จังเลย แต่แม้เซ็กส์จะเร่าร้อนแค่ไหน แต่ช่วงนี้แหล่ะอันตรายสุด ๆ หากคุณยังไม่ต้องการมีลูก ก็ควรเตรียมป้องกันกันด้วยนะ

ช่วงที่ 3 : วันที่ 15-20 ช่วงนี้ฮอร์โมนเอสโตรเจน จะพุ่งขึ้นสูงอีกครั้ง หญิงสาวจะอารมณ์ดี และพร้อมที่จะสนุกสุดเหวี่ยงกับเรื่องบนเตียง เป็นอีกช่วงหนึ่งที่ชายหนุ่มไม่ควรพลาดที่จะมีเซ็กส์กับเธอ

ช่วงที่ 4 : วันที่ 21-28 ช่วงนี้ร่างกาย เริ่มผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอรอน ทำให้เยื่อบุผนัง
ช่อง คลอดหนาขึ้น และฮอร์โมนตัวนี้ จะขึ้นสูงสุด ในช่วงวันที่ 25-28 ในขณะที่สารกระตุ้นอารมณ์ดี (เอนโดฟินส์) กลับลดลง จึงทำให้หญิงสาว อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย และอาจมีอาการปวดเมื่อยตัว หรือปวดท้อง ร่วมด้วยซึ่งเรียกว่า อาการ PMS นั่นเอง เป็นช่วงเวลาที่อารมณ์ทางเพศของผู้หญิงลดลง แต่หากชายหนุ่มอยากมีเซ็กส์กับเธอ ก็คงต้องดูทิศทางลมกันหน่อยล่ะ ถ้าทำให้เธอถูกใจ ไปถึงดวงดาวได้ล่ะก็ เธอจะอารมณ์ดีขึ้น อาการปวดหัว เมื่อยตัวก่อนวันนั้นของเดือนจะลดลงไปได้มาก

แหล่งที่มา » ผู้จัดการ

หัวนมแบบไหนปกติ

ไม่ว่าจะตั้งใจให้นมลูกยังไง แต่แม่มือใหม่ก็กังวลใจอยู่ดี ด้วยเพราะไม่แน่ใจว่าหัวนมของตัวเอง สั้นไปมั้ย บอดรึเปล่า หรือว่าปกติดี ทั้งหมดนี้ก็เพราะกลัวเจ้าตัวเล็กจะได้รับน้ำนมไม่เต็มที่นั่นเอง แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ ไม่ว่าจะมีหัวนมแบบไหน คุณก็ให้นมลูกได้แน่ๆ


หัวนมที่ ปกติ

สิ่งที่สำคัญที่คุณแม่ทุกคนต้องทราบก็ คือ หัวนมทุกแบบเป็นหัวนมที่ปกติ สร้างมาเฉพาะสำหรับลูกของคุณ มีบ้างที่อาจพบว่าหัวนมบุ๋มเข้าข้างในไม่ยื่นเหมือนคนอื่น แต่แบบนี้พบน้อยกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ

"หัวนมปกติ" จะยื่นออกมาจากฐานนมประมาณให้คุณแม่ใช้นิ้วมือจับได้ บางครั้งการสวมเสื้อชั้นในทับไว้นานๆ อาจทำให้เมื่อถอดออกใหม่ๆ หัวนมแบบราบไป คุณแม่อาจใช้วิธีจับไปจับมาหัวนมก็จะยื่นออกมา กรณีที่ดึงก็แล้วจับก็แล้วไม่ยื่นแต่กลับหลบผลุบเข้าข้างในอย่างนี้เราจึงจะ เรียกว่า "หัวนมบอด"

หัวนมบอด หัวนมสั้น มีทางแก้

การแก้ไขทำได้โดยการดึงหัวนม แบบที่เรียกว่า Hoffman's คุณแม่วางด้านข้างของนิ้วโป้ง และนิ้วชี้ข้างๆ หัวนมแล้วพยายามดึงแยกออกจากกัน ทำอย่างนี้ซ้ำๆ กัน วันละสักสองครั้งเช้าเย็นหลังอาบน้ำ ในขณะตั้งครรภ์หลังจากทำถ้ามีอาการของมดลูกหดรัดตัวก็ให้หยุดทำไปก่อน บางรายอาจใช้ฝาครอบหัวนมครอบไว้ก็ได้เหมือนกัน


หัวนมบอด ให้นมลูกได้นะ

การที่หัวนมบอดบุ๋มไม่ได้หมาย ความว่าคุณแม่จะไม่สามารถให้นมลูกได้ เพียงแต่พื้นที่ที่ลูกจะอมที่ลานนมสั้นกว่าคนที่มีหัวนมยื่นออกมา คำแนะนำคือคุณแม่ควรเริ่มให้ลูกกินนมจากอกเร็วที่สุดหลังคลอดและหัดให้ลูก ดูดมากหน่อย อย่าลืมกอดลูกให้กระชับและประคองเต้านมไว้จนแน่ใจว่าลูกอมได้ดีแล้ว อย่ารอจนน้ำนมมาจึงเริ่มเพราะจะมีเรื่องของเต้านมคัดตึงทำให้ยากขึ้น ถ้าไม่ได้จริงๆ ลองใช้แผ่นคลุมหัวนม nipple shiled น่าจะช่วยได้ค่ะ

และไม่ว่าจะมีอุปสรรคหรือความไม่พร้อมเพียงใด แต่ท้ายที่สุดแล้ว ความมุ่งมั่นและเล็งเห็นผลเลิศของการให้ลูกได้ดูดนมแม่นั้นต่างหากที่จะทำ ให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีค่ะ

แหล่งที่มา » นิตยสารดวงใจพ่อแม่

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552

10 นิสัยที่ผู้หญิงช๊อบ...ชอบ


คุณผู้ชายทั้งหลายขา..รู้ไหมว่าสาวๆ เขาชอบนิสัยแบบไหนของหนุ่มๆ อ่านไว้จะได้รู้ แล้วลองดูด้วยละว่า นิสัยของคุณเอง มีกี่ข้อใน 10 ดังต่อไปนี้

1. ชอบผู้ชายที่ให้เกียรติตนทั้งต่อหน้าและลับหลังคนอื่น
(อีโก้น่ะลดๆลงบ้างก็ได้ ไม่ต้องกลัวชาวบ้านเค้าหาว่ากลัวเมียหรอก)

2. ชอบผู้ชายพูดจาไพเราะ อ่อนหวานแต่ไม่เหยาะแยะ แฝงความเข้มแข็งในน้ำเสียง
(กูมึ.งไว้พูดกับเพื่อน กับแฟนไม่ต้องความจริงใจไม่ได้ใช้ภาษาสื่อสารได้อย่างเดียว)

3. ชอบผู้ชายที่ยิ้มง่ายและมีอารมณ์ขัน
(จะเก๊กไปถึงหนาย ไม่ได้หล่อขึ้นมาหรอก)

4. ชอบผู้ชายที่ช่างเอาใจ จำวันสำคัญๆได้บ้าง

(ไม่ต้องหมดหรอก ให้ได้บ้างก็พอแล้ว เป็นบุญสุดๆ)

5. ชอบผู้ชายที่ดูแล้วอบอุ่น พึ่งพาได้
(จะได้รู้ว่าเวลามีแมลงสาบวิ่งมา มันจะได้ไม่โดดมาแย่งเก้าอี้แล้วกรี๊ดแข่งกับเรา)

6. ชอบผู้ชายที่เก่งกาจ มีความเป็นผู้นำ แต่ไม่สำคัญตัวเองและดูถูกเรา
(ชั้นรู้แล้วว่าคุณเก่ง ว่าแต่เก่งพอที่จะรู้หรือเปล่าว่าเราแกล้งโง่น่ะ)

7. ชอบผู้ชายที่รู้จักง้อบ้าง ยิ่งเวลาตัวเองผิดด้วยเนี่ย
(ขอโทษๆน่ะ พูดเป็นมั้ย)

8. ชอบผู้ชายที่แต่งตัวภูมิฐาน สะอาดสะอ้าน
(เวลาควงด้วยจะได้รู้สึกภูมิใจ ไม่อายชาวบ้าน)

9. ชอบผู้ชายที่เสมอต้นเสมอปลาย แสดงออกว่ารักอย่างสม่ำเสมอ
(เราหวั่นไหวง่าย ต้องย้ำกันบ่อยๆ รู้เปล่า เดี๋ยวลืม)

10. ชอบผู้ชายที่เวลาไปไหนมาไหนก็บอกกันบ้าง
(ไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วนะเฟ้ย...)


ที่มา : Ladytip.com

5 วิธีตัดสายโทรศัพท์ผู้ชายน่าเบื่อ


เคยไหมคะ เจอผู้ชายที่น่าเบื่อเอามากๆ โทรมาเช้าสายบ่ายเย็น โดยที่คุณไม่ได้อยากคุยกับเขาเลย แต่ทำไงดีละ เกิดมาหน้าตาสวยออกขนาดนี้ จะดุด่าก็กลัวจะเสียหน้า ลองเอาวิธีแบบนี้ไปใช้ดูคะ

- ทำเสียงเหมือนว่าคุณกำลังคิดเรื่องที่เขาถาม ประมาณว่า "อืม...." แต่คิดไม่ออก ในที่สุดคุณก็พูโออกมาว่า "ขอโทษนะ ฉันงานยุ่งมาก ขอโทรกลับได้ไหม ถ้าฉันคิดออก"
- คว้าถุงกรอบแกรบแถวๆ นั้น มาขยำใกล้ๆ แล้วทำเป็นไม่ได้ยิน บอกว่าสัญญาณไม่ดี ไม่ค่อยได้ยินเสียง
- ทำเป็นว่า มีสายเรียกเข้า และเป็นสายที่สำคัญและด่วนเสียด้วย
- ทำเป็นคุยกับเจ้านายแล้วบอกว่า "คุยไม่นานหรอกคะนาย" อะไรประมาณเนี่ย
- บอกว่าติดประชุมอยู่ เป็นวิธีที่ได้ผลชะงัดนัก

ที่มา : Ladytip.com